resepthilnd

ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน มีส่วนประกอบที่สามารถหาได้ในท้องถิ่นสูตรและวิธีการทำไม่ยุ่งยากสำหรับคนที่ต้องการทำขายเป็นอาชีพอิสระลงทุนน้อย ผู้เขียนมีสูตรการทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวนพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดมาฝาก ดังนี้ค่ะ สูตรและวิธีการทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ส่วนประกอบ 1. ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ 1 กก 2. หมูบดสำหรับทำไส้ 500 กรัม 3. เห็ดหอม เห็ดหูหนู หั่นชิ้นเล็กๆอย่างละ 300 กรัม 4. เต้าหู้หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 200 กรัม 5. ถั่วงอกเด็ดเอารากออก ลวกพอสุก 500 กรัม 6. ต้นหอมหั่นฝอย ผักชีเด็ดเป็นใบ โหระพาเด็ดเป็นใบ ใบสะระแหน่เด็ดเป็นใบอย่างละ 50 กรัม 7. ซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส พริกไทยป่น น้ำตาลทราย 8. แครอทหั่นหรือขูดเป็นเส้นยาวๆ ประมาณ 1 หัว 9. กระเทียมสับ 10. ผักกาดหอม 500 กรัม วิธีทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวน 1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อยใส่กระเทียมลงไปผัดให้หอม ใส่หมูบด เห็ดหอม เห็ดหูหนูผัดให้เข้ากันปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส พริกไทยป่น น้ำตาลชิมรสให้ออกรสเค็มเล็กน้อย จากนั้นตักขึ้นใส่ภาชนะพักไว้ให้เย็น 2.นึ่งเส้นก๋วยเตี๋ยวพอร้อน จากนั้นพักไว้ให้เย็น 3.วางเส้นใหญ่ลงบนเขียงแล้วนำผักกาดหอม ถั่วงอก ใบโหระพา สะระแหน่ แคร์รอทและส่วนผสมที่ผัดไ

ส่วนผสมสำหรับทำ ยำหมูยอ 1. หมูยอ 1 แท่ง (หั่นเป็นชิ้นๆ) 2. น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ 3. น้ำมะนาว 2 ช้อนโต้ะ 4. น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ 5. ใบต้นหอมหั่นหยาบๆ 2 ช้อนโต้ะ 6. หอมหั่วใหญ่หั่นบางๆ 3 ช้อนโต้ะ 7. พริกขี้หนูบด 1 ช้อนโต้ะ 8. หมูสับลวกสุก 2 ช้อนโต้ะ ขั้นตอนและวิธีทำ ยำหมูยอ 1. นำหมูยอและหมูสับไปลวกให้สุก จากนั้นนำใส่ชาม 2. ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาล และน้ำมะนาว ผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำใบต้นหอมและหอมหัวใหญ่ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน เสริฟใส่จานพร้อมทานเลยค่ะ Cr. http://nlovecooking.com/yam-moo-yor/ ขอบคุณภาพจาก google

ส่วนผสมเต้าฮวยนมสด ฟรุตสลัด 1. น้ำเปล่า 1000 ml 2. น้ำตาลทรายขาว 300 กรัม 3. ผง วุ้น 3 ช.ช (ยี่ห้อไรก็ได้) 4. นมสด 1000 ml 5. นมคาร์เนชั่นกระป๋อง ( 354 ml ) 1 กระป๋อง 6. กลิ่น วนิลา 1 ช.ช 7. ผลไม้ต่างตามชอบหั่นชิ้นเล็กๆ สำหรับแต่งหน้า วิธีทำเต้าฮวยนมสด ฟรุตสลัด 1. ต้มน้ำจนเดือด ใส่น้ำตาลแล้วคนให้ละลาย 2. ใส่ผงวุ้น หรี่ไฟอ่อน แล้วใส่นมสดคนให้เข้ากัน ปล่อยให้เดือดประมาณ 3 นาทีแล้วปิดไฟ 3. ใส่นมคาร์เนชั่น1/4 กระป๋อง ที่เหลือเอาไว้ราดหน้าหลังจากใส่ ฟรุตสลัด 4.ใส่กลิ่นวนิลาคนให้เข้ากันแล้ว ยกลงจากเตา พักไว้พออุ่นๆ 5. ตักใส่ ภาชนะที่เตรียมไว้แล้วใส่ ตู้เย็น รอเซ็ต ตัว ประมาณ 40 นาที หรือ 1ช.ม. 6. ใส่ฟรุตสลัด หรือผลไมหั่นชิ้นเล็ก ราดด้วยนมคาร์เนชั่นที่เหลือ แล้วเข้าตู้เย็นรอเสริฟ Cr. ของหวานแม่รวยนครปฐม ขอบคุณภาพจาก google

เครื่องปรุง สำหรับน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นบางรัก 1.กระดูกสันหลังหมู (เอียเล้ง) 3 กิโลกรัม 2.กระดูกตะโพกหมู(คาตั๊ง) 3 กิโลกรัม 3.อบเชยหักเป็นท่อน 5 ท่อน 4.โป๊ยกั๊ก 10 ดอก 5.ซีอิ๊วดำหวาน 3 ทัพพี 6.เกลือป่น 1 ทัพพี 7.พริกไทยดำเม็ดโขลกหยาบ ๆ 1 ทัพพี 8.น้ำสะอาด 1 หม้อ วิธีทำน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นบางรัก 1.ใส่กระดูกสันหลังหมูและตะโพกหมูลงในหม้อ เติมโป๊ยกั๊ก อบเชย เกลือป่น ซีอิ๊วดำหวาน พริกไทยเม็ดโขลกตามลงไป 2.เติมน้ำสะอาดลงไปจนเกือบเต็มหม้อ แล้วเคี่ยวด้วยไฟอ่อนนาน 1 ชั่วโมง จะได้น้ำซุปหวานน้ำต้มกระดูก หอมอบเชยโป๊ยกั๊ก วิธีการทำหมูตุ๋น ใช้หมูตรงเนื้อตะโพก ต้มกับอบเชย โป๊ยกั๊ก ซีอิ๊วดำหวาน และน้ำตาลทรายเคี่ยวเพียงชั่วโมงครึ่ง หมูจะเปื่อยนุ่มน่ากิน เครื่องปรุงน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว 1.กระดูกซี่โครงหมู 2 กิโลกรัม 2.พริกไทยเม็ดตรามือโขลกหยาบ ๆ 2 ช้อนโต๊ะ 3.เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ 4.รากผักชี 4 ราก 5.น้ำตาลทรายขาว 1 ทัพพี วิธีทำ นำเครื่องปรุงทั้งหมดใส่หม้อก๋วยเตี๋ยว เติมน้ำสะอาดให้เต็มแล้วต้มเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆ 1 ชั่วโมง จะได้น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเรือหอมหวานน้ำต้มกระดูก เครื่องปรุงหมักหมูสดและหมูบะช่อ 1.เนื้อสันนอกห

ส่วนผสม 1. ปลาหมึก 2 ตัว (ควักเอาไส้ออกบั้งทั้ง 2 ด้าน ล้างให้สะอาด) 2. กระเทียม 1/4 ถ้วยตวง (ปอกเปลือกหั่นตามขวาง) 3. พริกขี้หนูหั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ 4. น้ำมะนาว 1/4 ถ้วยตวง 5. น้ำปลาดี 3 ช้อนโต๊ะ 6. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ 7. รากผักชี 3 ราก วิธีทำ 1. ผสมน้ำปรุงรส น้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลทราย พริกขี้หนูซอย คนจนน้ำตาลทรายละลาย ชิมรสเปรี้ยวเค็มหวาน เมื่อรสดีแล้วพักไว้ 2. นำปลาหมึก จัดในจานวางด้วยรากผักชี กระเทียมซอย นำไปนึ่งประมาณ 10 นาที หรือจนกว่าปลาหมึกสุก จากนั้นยกจานออกจากลังถึง ราดด้วยน้ำปรุงรสให้ทั่วยกเสิร์ฟทันที Cr. สูตรอาหาร http://www.the-than.com/food/food32.html Cr. ภาพอาหาร http://www.bloggang.com

เครื่องปรุง + ส่วนผสม 1. ถั่วเขียว250 กรัม (เผือก, เม็ดบัว, อื่นๆ) 2. น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง 3. หัวกะทิ 1ถ้วยตวง 4. น้ำตาลปี๊บ 250กรัม 5. เกลือป่น1/4 ช้อนชา 6. ไข่เป็ด3 ฟอง 7. หอมแดงซอยละเอียด 3 ลูก 8. ใบเตย 3 ใบ วีธีการทำขนมหม้อแกง 1. นำหอมแดงไปเจียวในน้ำมันจนเหลืองและกรอบ (ระวังไหม้ ควรเจียวด้วยไฟอ่อนๆ ) 2. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกไปแช่ในน้ำและนำไปนึ่งจนสุก หรือถ้าใช้เผือกก็ปอกเปลือกและนำไปนึ่งจนสุก จากนั้นจึงนำเผือกไปยีให้เป็นชิ้นเล็กๆ 3. ในชามขนาดกลาง, ผสมไข่ น้ำตาลปี๊บและเกลือ แล้วขยำโดยใช้ใบเตยให้เข้ากันดี น้ำตาลละลายหมด จากนั้นจึงใส่หัวกะทิลงไป ขยำต่ออีกจนส่วนผสมเข้ากันดี แล้วจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อเอาสิ่งสกปรกออก 4. เอาถั่วหรือเผือกใส่ลงไปในส่วนผสมที่กรองแล้ว และใส่น้ำมันที่เหลือจากการเจียวหอมแดง (ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ) คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี 5. นำส่วนผสมที่ได้ไปกวนด้วยไฟร้อนปานกลางในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเทฟลอนก็ได้) กวนจนส่วนผสมเริ่มข้นก็พอ ถ้ากวนมากเมื่อนำไปอบจะไม่น่าทานเพราะจะแตกมัน ที่เรานำมากวนก็เพื่อป้องกันไม่ให้ส่วนผสมแยกชั้นเมื่อนำไปอบเนื่องจากไข่กับกะทิ ไม่เข้ากันด

ส่วนประกอบและเครื่องปรุงเป็ดพะโล้ 1. เป็ด 1 ตัว 2. อบเชย 20 กรัม 3. โป๊ยกั๊ก 20 กรัม 4. ผงพะโล้ 1 ช้อนโต๊ะ 5. พริกไทยป่นตรามือ 1/4 ช้อนโต๊ะ 6. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ 7. ซีอิ๊วดำหวาน 1 ช้อนโต๊ะ 8.ซีอิ๊วขาว 1/4 ทัพที 9.เกลือป่น 1/4 ช้อนโต๊ะ 10.รากผักชี 2 – 3 ราก 11.กระเทียมไทย 3 – 5 หัว ขั้นตอนและวิธีทําเป็ดพะโล้ 1. ล้างเป็ดให้สะอาด ควักเครื่องในออกมาล้างให้หมด แล้วแขวนผึ่งลมให้แห้ง 2.ใส่เครื่องปรุง อบเชย โป๊ยกั๊ก ผงพะโล้ พริกไทยป่น น้ำตาลปี๊บ ซีอิ๊วดำหวาน ซีอิ๊วขาว เกลือป่น รากผักชี กระเทียม ลงหม้อให้หมด 3. แล้วเติมน้ำให้ท่วม ต้มด้วยไฟอ่อนเคี่ยวนาน 1 ชั่วโมง ให้เครื่องปรุงละลายในน้ำจนทั่ว ชิมรสให้กลมกล่อม 4. นำเป็ดและเครื่องในใส่ลงไปต้มเคี่ยวกับน้ำพะโล้ด้วยไฟอ่อนๆ ใช้เวลาเคี่ยวเป็ดนานถึง 4 ชั่วโมง ทำให้ได้เนื้อเป็ดนุ่มพอดี ส่วนประกอบและเครื่องปรุงน้ำจิ้มเป็ดพะโล้ 1. พริกขี้หนูสด 2. กระเทียม 3. น้ำส้มสายชู 4. น้ำตาลทราย ขั้นตอนและวิธีทําน้ำจิ้มเป็ดพะโล้ 1. โขลกพริกและกระเทียมเข้าด้วยกัน ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย 2. ใส่น้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย คนให้เข้ากันชิมรสตามชอบ เป็นอันเสร็จครบทุกขั้นตอนพร้อ

ห่อหมกปลาใบโหระพา (สูตรโบราณ) สวยงาม และ น่าทานมาก ทำทานเองได้ไม่ยาก มาดูสูตรกันเลย!!! ส่วนผสม 1. น้ำพริกแกง ประกอบด้วย พริกชี้ฟ้าแห้ง 5 เม็ด ข่าหั่น 2 ช้อนชา ตะไคร้ 1 ต้น กระเทียม 10 กลีบ หอม 5 หัว ผิวมะกูดฝอย 1/2 ช้อนชา เกลือ 1 ช้อนชา กะปิ 1 ช้อนชา กระชาย ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ 5-6 ราก รากผักชี 1 ช้อนชา พริกไทย 5 เม็ด ตำหรือปั่นให้ละเอียด (น้ำพริกแกงนี้จะใช้แบบสำเร็จรูปก็ได้) 2. เนื้อปลาช่อน หรือปลาอินทรี แล่เป็นชิ้นอย่าให้เล็กมาก 800 กรัม 3. น้ำกะทิ 3 ถ้วย 4. หัวกะทิ 1 ถ้วย 5. แป้งข้าวจ้าว 3 ช้อนโต๊ะ 6. ไข่ไก่ 2 ฟอง 7. น้ำปลา น้ำตาลทราย 8. ใบโหระพาเด็ดเป็นใบประมาณ 1 ถ้วย (จะใช้ใบยอ หรือกระหล่ำปลีก็ได้) 9. ใบมะกรูดซอยบาง 10. พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเป็นเส้น ใบมะกรูดหั่นเป็นเส้น สำหรับแต่งหน้า วิธีทำ 1. เทน้ำกะทิในข้อ 3 ลงในหม้อ ใส่พริกแกงที่ตำละเอียดแล้ว และแป้งข้าวจ้าวลงไป 2 ช้อน ใช้ทัพพีคนจนเข้ากันดี 2. ใส่เนื้อปลาลงในหม้อน้ำกะทิผสมเครื่องแกงและแป้งข้าวจ้าวที่ผสมเตรียมไว้ในข้อ 1 แล้วใช้ทัพพีคนส่วนผสม เวลาคนควรคนไปในทิศทางเดียวกันเสมอ อย่างน้อย 10 นาที จะเห็นว่าส่วนผสมเริ่มข้นขึ้น 3.

ส่วนประกอบ กุ้งก้ามกรามขนาดกลาง 5 ตัว ใบโพระพา 1 ถ้วยตวง น้ำตาลปี๊บ 4 ช้อนโต๊ะ น้ำมะขามเปียกคั้นข้น 4 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด 1/4 ถ้วยตวง พริกแห้งทอด 1 ช้อนโต๊ะ หอมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันสำหรับทอดกุ้ง วิธีการทำ 1.ล้างกุ้ง ตัดส่วนหัวแล้วผ่ากลางหลังทั้งเปลือกออกเป็น 2 ซีก นำไปทอดในน้ำมันร้อนจัด เรียงลงในจานเสิร์ฟ ใบโหระพาทอดกรอบโรยรอบๆกุ้งที่เรียงไว้ 2.ตักน้ำมันออกจากกระทะเกือบหมด ใส่น้ำตาลลง เมื่อน้ำตาลเดือดทั่วกันเติมน้ำมะขามเปียก น้ำปลา ชิมให้ได้สามรสกลมกล่อม ตักราดตัวกุ้ง ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด พริกแห้ง โรยหอม และกระเทียมเจียว

เครื่องปรุง 1.หมูสันนอก 1 กิโลกรัม 2.น้ำมันหอย 1/2 ถ้วย 3.ซอสปรุงรส 1/2 ถ้วย 4.น้ำปลา 1/2 ถ้วย 5.น้ำตาลปี๊ป 300 g. 6.แป้งมัน 1/4 ถ้วย 7.น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย 8.กระเทียม พริกไทย รากผักชี (ตามแต่ชอบครับ อันนี้แล้วแต่เลย ชอบมากก็ใส่มากหน่อย) วิธีทำ 1. หั่นเนื้อหมูให้เป็นชิ้นบางๆพอคำนะครับ อันนี้ยิ่งบางเท่าไหร่เครื่องปรุงก็เข้าเนื้อมาก เวลาเสียบไม้ย่างได้ใช้เวลาไม่นาน แล้วเครื่องปรุงก็เข้าเนื้อได้ดีกว่าชิ้นใหญ่ๆอะครับ 2. นำกระเทียม พริกไทย รากผักชี โขลกรวมกัน และ ใส่เครื่องปรุงทั้งหมดลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี 3. นำเนื้อหมูที่หั่นไว้แล้วคลุกเคล้ากับเครื่องปรุง ใช้มือนวดเบาๆ แบบใจเย็นๆ ให้น้ำแห้งหมาดๆ (ใช้เวลาประมาณ 25 นาที) 4. นำหมูที่นวดเสร็จแล้ว แช่ตู้เย็นช่องฟรีซอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพื่อให้เครื่องปรุงเข้าในเนื้อและจะทำให้หมูนุ่มได้ที่ 5. ครบกำหนดเวลา นำหมูมาเสียบไม้ ตามความยาว แล้วเรียงใส่กล่อง ให้สวยงาม แล้วนำเข้าช่องเย็นอีกที ก่อนนำมาปิ้งนะครับ -------------------------------------------- ขอขอบคุณที่มา:http://goodmenuthai.blogspot.com

วิธีทำหมูหวาน นำเนื้อหมูติดมันหรือหมูสามชั้น 300 กรัมมาล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นหนาประมาณ 1/ 2 เซนติเมตร ยาว 2 นิ้ว จากนั้น ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำตาลปีบ 1 ช้อนโต๊ะลงไป คนจนน้ำตาลเป็นสีเข้ม ใส่น้ำ 1 ถ้วย พอน้ำเดือดจึงใส่หมู แล้วเติมน้ำตาลปีบอีก 2 ช้อนโต๊ะ ใส่เกลือ 1/ 4 ช้อนชา น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ และหัวหอมแดงซอย 1/ 2 ถ้วย เคี่ยวไฟอ่อน ๆ ไปเรื่อย ๆ จนเหลือน้ำขลุกขลิก ชิมรสดู ขาดรสใดเติมได้ตามชอบ ใช้เสิร์ฟพร้อมน้ำพริก ส่วนผสมน้ำจิ้ม เครื่องเคียงไส้ เครื่องปรุงสำหรับน้ำพริกลงเรือ กระเทียมปอกเปลือก 20 กรัม กะปิ 3 ช้อนโต๊ะ มะดันซอย 5 ผล ระกำหั่นบาง ๆ 5 ผล มะอึกขูดขนออกแล้วหั่นบาง ๆ 5 ผล น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูหรือพริกเหลืองหั่นบาง ๆ 1 - 2 ช้อนโต๊ะ กุ้งแห้งอย่างดีโขลกละเอียด 1/ 2 ถ้วย น้ำตาลปีบ 4 - 5 ช้อนโต๊ะ น้ำมันสำหรับผัด 1 ช้อนโต๊ะ หมูหวาน 1/ 2 ถ้วย ไข่เค็ม 1 ฟอง ปลาดุกฟูกรอบ 1 /2 ถ้วย วิธีปรุง โขลกกระเทียม กะปิ ให้ละเอียด ใส่มะดันซอย โขลกให้ละเอียด ใส่ระกำ มะอึก โขลกให้เข้ากันดี ใส่พริก บุบพอแตก ใส่น้ำตาล ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟ ใส่น้ำพริกลงผัด ใส่กุ้งแห้งและ

ส่วนผสม 1. ข้าวเหนียว 1 ถ้วย 2. ลำไยสดแกะเอาแต่เนื้อ 2 ถ้วย (หรือมากกว่านี้ ตามความชอบ) 3. หัวกะทิ 2 ถ้วย 4. น้ำตาลทราย ครึ่งถ้วย 5. เกลือป่น พอประมาณ 6. ใบเตยตัดเป็นท่อนๆ 1-2 ใบ วิธีทำเริ่มที่การต้มข้าวเหนียว โดยใช้ไฟอ่อนปานกลาง ใส่น้ำสะอาดลงในหม้อให้ท่วมข้าวเหนียวขึ้นมาประมาณ 2 นิ้ว ค่อยๆ คนไม่ให้ข้าวติดก้นหม้อ และระวังไม่ให้ข้าวข้นหรือแฉะเกินไป ใส่ใบเตยลงไปด้วยเพื่อความหอม แนะนำว่าถ้าใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูก็จะดีไม่น้อย เพราะเม็ดข้าวจะบานสวย แต่ถ้าไม่มีก็ใช้ข้าวเหนียวธรรมดาทั่วๆไปได้ ระหว่างนั้นก็หันมาคั้นน้ำกะทิที่ใช้โรยหน้า โดยผสมเกลือป่นให้มีรสเค็มนิดๆ แต่ถ้าไม่มีเวลาคั้นกะทิสดเองจะเลือกใช้กะทิกระป๋องก็ได้ พอข้าวเหนียวสุก เม็ดจะเริ่มบานก็ใส่น้ำตาลทรายลงไป ใส่เกลือเล็กน้อย ชิมรสชาติความหวานตามความพอใจ คนข้าวต่อไปอีกสักพัก แล้วจึงใส่เนื้อลำไย เมื่อสุกได้ที่ยกลงจากเตาได้เลย แค่นี้ก็ได้ข้าวเหนียวเปียกลำไย ราดด้วยน้ำกะทิสด หอมกรุ่น น่ากิน แต่ถ้าอยากจะเพิ่มสีสันและรสชาติให้มีมากขึ้น อาจจะใส่เผือก แห้ว ข้าวโพด ลูกเดือย ลำไยแห้ง ลงไปด้วยก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด Cr. สูตรอาหาร http://www.mana

เครื่องปรุง ตะไคร้ซอย 1 ถ้วยพูน เม็ดพริกไทยแห้ง 1 ช้อนชา พริกขี้หนู 5-10 เม็ด กระเทียม 8 กลีบ หอมเล็กซอย 1/3 หัว กุ้งแห้ง 1/3 ถ้วย กะปิ 1 ช้อนโต๊ะพูน น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา วิธีทำ แช่กุ้งแห้งในน้ำร้อนสักครู่ ใส่ตะแกรงพักให้สะเด็ดน้ำโขลกพริกไทยกับพริกขี้หนูจนแหลกใส่กุ้งแห้งตำจนเนื้อฟูใส่ตะไคร้ตำให้ละเอียดตามด้วยกระเทียม หอมเล็ก เมื่อละเอียดเนียนเป็นเนื้อเดียวกันแล้วใส่กะปิ และน้ำตาลปี๊บตำให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ใครชอบเผ็ด ก็เพิ่มตามต้องการค่ะ กินกับผักสด ผักลวกและปลาช่อนแดดเดียว  กระข้าวสวยรร้อนๆ

สูตรการทำก๋วยจั๊บน้ำข้น (ก๋วยจั๊บตรอกซุงบางรัก) ตำรับนี้เหมาะสำหรับ 15-20 ที่ เพราะการต้มเครื่องในต้องต้มหม้อใหญ่จึงจะนุ่มเนียนอร่อย อีกทั้งมีเครื่องเคราจำนวนมาก ทำไม่ยากแต่สียเวลา เครื่องปรุงก๋วยจั๊บน้ำข้น 1. เส้นก๋วยจั๊บสด 1 กิโลกรัม 2. หรือเส้นก๋วยจั๊บตากแห้ง 700 กรัม 3. แป้งข้าวเจ้า 3 ช้อนโต๊ะ 4. หมูกรอบ 200 กรัม 5. หนังหมู 200 กรัม 6. คากิ (อุ้งเท้าหมู) ผ่าครึ่ง 2 ชิ้น 7. ปอด 200 กรัม 8. ม้าม (ตับเหล็ก) 1 เส้น 9. ลิ้นหมู 1 ลิ้น 10. กระเพาะหมู 1 ลูก 11. ไส้ใหญ่ 200 กรัม 12. ไส้อ่อน 1 พวง 200 กรัม 13. ตับต้มแข็ง 200 กรัม 14. เต้าหู้พวง 1 พวง 15. เลือดหมูหรือเลือดไก่หั่นเต๋า 2 ก้อน 16. ปลาหมึกแช่ด่าง (ปลาหมึกเย็นตาโฟ) 1 ตัว 17. ไข่เป็ด 10 ฟอง 18. กระเทียมเจียว 1 ถ้วยตวง 19. ต้นหอมผักชีหั่นละเอียด 1 ถ้วยตวง 20. รากผักชี 7 ราก 21. กระเทียม 7 กลีบ 22. พริกไทยบุบพอแตก 1 ช้อนโต๊ะ 23. ซีอิ๊วดำ 1 ถ้วยตวง 24. น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ 25. ผงพะโล้ 2 ช้อนชา 26. ข่าแก่ทุบ 1 แง่ง วิธีทำก๋วยจั๊บน้ำข้น 1. เริ่มต้นด้วยการตั้งหม้อใบใหญ่ต้มน้ำพะโล้ก่อน ใส่น้ำมันพืชและน้ำตาลทรายแดงผัดให้ละลายจนเริ่มไหม

ส่วนผสม 1. กล้วยดิบ 1 หวี (กล้วยหักมุก จะให้เนื้อฟูกรอบ มากกว่ากล้วยน้ำว้า) 2. น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ถ้วยตวง 3. น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง 4. น้ำ 2 ถ้วยตวง 5. เกลือป่น 1/3 ช้อนชา วิธีทำ 1. ปอกเปลือกกล้วยดิบ ด้วยมีดปอกเปลือก (มีดคู่) 2. นำกล้วยที่ปอกเปลือกให้หมดทั้งหวี ล้าง และแช่ไว้ในน้ำสะอาด ตั้งพักไว้ 3. ตั้งกระทะให้ร้อนเติมน้ำมันพืชลงในกระทะ พอให้ น้ำมันร้อนพอดี มีควันลอยบ้างบางๆ (อย่าให้ร้อนจัดจนควันคลุ้งกะทะ) จึงฝานเนื้อกล้วยดิบเป็นแผ่นบาง ๆ ตาม ความยาวของผล (ด้วยมีดคู่) ใส่ลงทอดในน้ำมันทันที เมื่อกล้วยลอยตัวขึ้นมาบนผิวน้ำมัน (ประมาณ 20 – 30 วินาที ให้หมั่นคนและ พลิกชิ้นกล้วยกลับให้ถูกน้ำมัน เพื่อความร้อนสม่ำเสมอทั่วกันทุกชิ้น จนเหลืองดีแล้ว (อย่าเหลืองมาก เพราะกว่าจะเย็นคลายตัว กล้วยจะไหม้ มีรสขม) ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน 4. เทน้ำมันออกจากกระทำให้หมด ตั้งไฟเบาๆ (อย่าแรงเหมือนตอนทอดกล้วย) ใส่น้ำตาล น้ำ และเกลือ ลงในกระทะนั้น ต้มจนน้ำตาลละลาย และเคี่ยวต่ออีกครู่ จนน้ำตาลเหนียวเป็นเส้น เมื่อใช้ปลายมีดจุ่มลงในน้ำเชื่อม แล้วยกมีดขึ้น น้ำเชื่อมจะยืดตามมีดเป็นเส้น 5. ใส่กล้วยที่ทอดไว้ ลงในกระทะน

ส่วนผสม (สำหรับ 5 ที่) เตรียม 20 นาที ปรุง 20 นาที 1. ปลาทูย่าง 4 - 5 ตัว 2. ตะไคร้อ่อนซอย 100 กรัม 3. ถั่วลิสงคั่ว 150 กรัม 4. หอมเล็กหั่นเต๋า 100 กรัม 5. ขิงอ่อนหั่นเต๋า 100 กรัม 6. มะนาวทั้งเปลือกหั่นเต๋า 100 กรัม 7. พริกขี้หนูสวนหั่นท่อนสั้น 50 กรัม 8. ผักกาดหอม ผักกาดขาว ผักกาดแก้ว ผักชี สะระแหน่ กรีนโอ๊ก เรดโอ๊ก สำหรับห่อ เครื่องเมี่ยงรับประทานตามชอบ ส่วนผสมน้ำเมี่ยงแบบหวาน 1. พริกชี้ฟ้าแดงซอยโขลกละเอียด 50 กรัม 2. น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม 3. น้ำตาลทราย 100 กรัม 4. เกลือ 20 กรัม 5. ถั่วลิสงคั่วบดหยาบ 100 กรัม 6. น้ำมะนาว 20 - 50 กรัม 7. น้ำสะอาด 50 กรัม วิธีทำ ผสมน้ำสะอาด น้ำตาล และเกลือเข้าด้วยกัน นำขึ้นตั้งไฟคนจนส่วนผสมละลายเข้ากัน ยกลง ใส่พริกชี้ฟ้าแดงบดมะนาว และถั่วลิสง ชิมรสให้ออกหวาน ส่วนผสมน้ำเมี่ยงแบบเปรี้ยว 1. พริกขี้หนูสวน 10 กรัม 2. กระเทียมปอกเปลือก 10 กรัม 3. รากผักชี 5 กรัม 4. น้ำมะนาว 100 กรัม 5. น้ำ 100 กรัม 6. น้ำตาลทราย 50 กรัม วิธีทำ โขลกพริก กระเทียม และรากผักชีให้ละเอียด ผสมน้ำปลาน้ำตาล และน้ำมะนาวลงไปคนจนน้ำตาลละลาย วิธีรับประทาน แกะเนื้อปลาทูวางลงบนผักที่ชอบ พร้

ส่วนผสม ข้าวเหนียวเขี้ยวงูเก่า 1 กก ซาวน้ำทิ้งสัก1-2ครั้ง แล้วเอาแช่น้ำประมาณ 4ชั่วโมง(หรือค้างคืน) ใช้โป๊วสับ 1/2ถ้วยตวง ใช้โป๊วหั่นชิ้นบางๆ 1/2 ถ้วยตวง กุนเชียงทอดหั่นชิ้นตามชอบ กุ้งแห้งแช่น้ำให้นิ่มล้างสะอาดพักไว้ แปะก๊วย 1/2กกแคะใส้ออก ต้มน้ำทิ้ง 1 ครั้งแล้วเชื่อมให้เหนียวตามชอบ พักไว้ให้เย็น พุทราจีน 250 กรัม ล้างน้ำทิ้ง 1 ครั้ง แช่น้ำทิ้งไว้ให้เม็ดพุทราอุ้มน้ำจนพอง(แช่ค้างคืนไว้ก็ได้) ไข่แดงเค็ม แล้วเชื่อมให้เหนียวตามชอบพักไว้ให้เย็น ถั่วลิสง 250 กรัม ต้มสุก พักไว้ให้เย็น เห็ดหอมล้างน้ำทิ้งสัก 2ครั้ง แล้วแช่ให้นิ่มหั่นชิ้นตามชอบ(ส่วนน้ำเห็ดหอมให้เก็บไว้ก่อนอย่าทิ้ง)แล้วผ้ดให้ได้กลิ่นหอมพักไว้ พริกไทยป่น 1/2 ชต(ถ้าชอบความหอมและรสเผ็ดเพิ่มได้ตามชอบ หมูสามชั้น 500 กรัม ล้างสะอาด หั่นชิ้นหนา 1+1/2 ซม ผงพะโล้ 1 ช้อนโต๊ะพูน น้ำตาลทราย 2ชต เกลือแกง 1 ชช น้ำมันหมู 1ถ้วย นำชิ้นหมูมาใส่ชามผสม ใส่ผงพะโล้+น้ำตาล+เกลือแล้วขยำให้ส่วนผสมเข้ากัน จนมีน้ำออกมาจากชิ้นหมูเสร็จแล้พักไว้ในตู้เย็น ประมาณ2-3ชั่วโมง วิธีทำ ล้างข้าวอีกสัก 1-2ครั้งจนน้ำเริ่มใสรินน้ำทิ้งใส่ ตะแกรงพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ แล้วเอาข

พริกที่ใช้ยำใช้ชนิดเผ็ดปานกลาง - พริกใหญ่ชนิดเผ็ด - น้ำปลาร้า - น้ำปลา - มะนาว - ต้นหอม - ผักชี - ผักสด ไข่ต้ม วิธีทำคะ 1. นำพริกไปเผา ย่าง อบ แล้วแต่สะดวกคะ ให้สุกเสียก่อนพักให้เย็นแล้วก็ลอกเปลือกทิ้ง พริกใหญ่ผิวจะหนาหยาบ เคี้ยวไม่ขาดคะกลืนเลย เมื่อลอกเสร็จแล้วใช้ช้อนส้อมฉีกหรือกรีดเป็นเส้นยาว 2. ได้พริกที่ฉีกแล้วเติมน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำปลาร้าใครชอบก็ใส่คะ ไม่ใส่น้ำปลาร้าก็อร่อย ลองชิมก่อนนะคะว่าชอบรสไหน เพราะพริกใหญ่หวาน อร่อย เผ็ดอยู่แล้ว หั่นต้นหอม ผักชี คนให้เข้ากัน ชิมเลยจ้า ทานกับผักสดไข่ต้มอร่อยจ้า เครดิต ที่มาสูตรอาหารและภาพ บ้านมหา ดอจคอม http://www.baanmaha.com

ตับหวาน อาหารยอดฮิตในหมู่อีสานที่ให้รสชาติอาหารที่แซบอร่อยและรบเครื่องทั้งสมุนไพรแบบ ๆ ไทยและความอร่อยหวานจากตับหมูนุ่มๆ ถ้าได้ทานคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆ อร่อยยิ่งจริงเชียว วัตถุดิบในการทำ ตับหวาน 1. ตับหมู 300 กรัม (หั่นเป็นชิ้นพอคำ) 2. ใบสาระแหน่ 3. ต้นหอมซอย 4. ผักชีฝรั่ง 5. หอมแดงซอย 6. พริกทอด (เม็ดเล็ก) 7. น้ำมะนาว 1 ชต. 8. พริกป่น 1/2 ชต. 9. น้ำตาล 1/2 ชต. 10. ข้าวคั่ว 1 ชต. 11. น้ำปลา 1/2 ชต. 12. น้ำซุปไก่ 1/2 ทัพพี วิธีทำตับหวาน มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. ซอยต้นหอม , ผักชีฝรั่ง พักไว้ก่อน 2. หั่นตับหมูให้เป็นชิ้นพอดีคำ 3. เติมน้ำซุปลงในหม้อ ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ตั้งไฟให้เดือด 4. นำตับหมูลงไปรวนในหม้อกับน้ำซุป 5. ปรุงรสด้วยน้ำปลา,น้ำตาล,ข้าวคั่ว เติมหอมแดง ปิดไฟ 6. เติมน้ำมะนาว และผักชีต้นหอม คลุกเคล้าให้เข้ากันดี ก่อนเสริฟโรยพริกทอด , สาระแหน่ เป็นอันเสร็จ ****เคล็ดลับการทำ ตับหวาน ไม่ควรรวนตับหมูนานเกินไป ไม่อย่างนั้นตับหมูจะแข็ง เวลารับประทานก็จะไม่อร่อย เพราะตับหวานที่ดีนั้นตัวของตับหมูนั้นจะต้องนุ่ม

ข้าวมันไก่ พร้อมสูตรน้ำจิ้ม เคล็ดไม่ลับที่ทำเองได้ น้ำสำหรับต้มไก่ เวลาเราต้องการทำน้ำซุปหรือน้ำสต๊อก เรามักจะเอาโครงไก่หรือเนื้อไก่ลงไปต้มเพื่อให้น้ำซุปมีรสชาติดี น้ำจะมีรสหวานจากไก่สด พอต้มเสร็จ น้ำซุปที่ได้ก็จะอร่อย แต่เนื้อไก่จะจืดชืด เพราะความหวานของเนื้อไก่ละลายไปอยู่กับน้ำซุปหมดแล้ว จนต้องพึ่งน้ำจิ้มรสจัดมาเป็นตัวทำให้อร่อยแทน ดังนั้นแทนที่เราจะให้ความหวานจากเนื้อไก่ถูกปล่อยออกมา เราก็จะเปลี่ยนเป็นทำให้รสชาติน้ำซุปซึมเข้าไปที่เนื้อไก่แทน ส่วนผสม น้ำต้มไก่ 1. ผักกาดขาว หรือผักหางหงส์สด 1 หัว (ต้องเลือกที่สด ๆ เพื่อให้หวาน) 2. กระเทียม 3–4 หัว (ประมาณ 30 กลีบ) 3. รากผักชี 5–6 ราก 4. ขิงแก่หั่นเป็นแว่นบาง 5–6 แว่น 5. ขิงทุบ เล็กน้อย 6. พริกไทยขาวทุบหยาบ 20–30 เม็ด 7. เกลือสมุทร 1-2 ช้อนโต๊ะ (ได้ดอกเกลือยิ่งดี เพื่อให้มีรสเค็มขึ้นมาบ้าง ปริมาณมากน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำ) 8. น้ำตาลกรวด 1/2 ช้อนโต๊ะ 9. ซีอิ๊วขาว 2–3 ช้อนโต๊ะ 10. น้ำมันพืช 1/2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ 1. ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในหม้อ (ควรใส่น้ำเผื่อไว้หน่อยกันน้ำแห้งเกินไป) นำขึ้นตั้งไฟแรง (ไม่ต้องปิดฝา) ต้มให้เดือดนานอย่างน้อย 30

นมข้าวโพด อร่อยง่ายได้ประโยชน์ทำกินเองคุ้มค่ากว่า ส่วนผสม - ข้าวโพดหวาน 5 ฝัก - น้ำต้มใบเตย 7 ถ้วยตวง (ใช้ใบเตยล้างหั่นประมาณ 5 ใบ) - เกลือป่น 1 ช้อนชา วิธีการทำ 1. ลอกเปลือกข้าวโพดออกล้างให้สะอาด ฝานเมล็ดข้าวโพดบาง ๆ (ส่วนเปลือกข้าวโพดนำไปต้มน้ำให้หอม) 2. ใส่ข้าวโพดลงในโถปั่น เติมน้ำต้มใบเตยพอควร เปิดสวิชท์ปั่นจนละเอียดดีแล้วกรองผ่านกระชอน (ควรนำส่วนเนื้อข้าวโพดที่กรองได้มาปั่นครั้งที่ 2 พร้อมน้ำใบเตย หรืออาจใช้น้ำข้าวโพดที่ปั่นไว้ก่อน) 3. นำน้ำข้าวโพดทั้งหมด ใส่หม้อสเตนเลสตั้งไฟ เติมเกลือ ควรคนด้วยพายไม้เพื่อไม่ให้ไหม้ ต้มพอสุกข้น ยกลงพักไว้ (ระวังอย่าให้ร้อนถึงจุดเดือด เพราะจะสุกเกินไปเกิดการแยกตัว) 4. เสิร์ฟร้อนหรือเย็นตามชอบ หากชอบหวานผสมน้ำเชื่อมได้ ปล.คุณประโยชน์ของข้าวโพดนั้นมากมาย เหมาสำหรับคนทุกวัย โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้สายตามาก อ่านหนังสือนานๆ ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะสามารถช่วยลดโอกาสจอประสาทตาเสื่อมได้ด้วย และที่สำคัญมีคาร์โบไฮเดรตถึง 70 % หาซื้อง่ายราคาไม่แพง อย่าลืมสรรหามารับประทานกันนะค่ะ Cr. สูตรอาหารและภาพ http://talung.gimyong.com/index.php/topic,365559.0.html

ส่วนผสมวิธีการทำ เครื่องปรุงตัวแป้งแป้งข้าวจ้าง  1  1/2 ถ้วยตวง แป้งท้าวยายม่อม 1/4 ถ้วยตวง น้ำกะทิ  1 1/2  ถ้วยตวง เครื่องปรุงกะทิ หัวกะทิ  2  1/2   ถ้วยตวง น้ำตาลทรายขาว  1/2   ถ้วยตวง เกลือป่น  2  ช้อนชา งาขาวคั่ว  โรยหน้าขนม   1/4  ถ้วยตวง น้ำตาลทราย โรยหน้าขนม 1/4 ถ้วย เครื่องมือ เฉพาะพิมพ์ไม้สำหรับกดแป้งให้เป็นตัว ครองแครง แป้งมันสำหรับทำนวลละลายแป้งทั้ง  2   ชนิดกับน้ำกะทิให้เข้ากัน   กวนใน กระทะทองพอแห้งปั้นแป้งเป็นก้อนกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง   1  ซม. เวลา ปั้นใช้มือแตะแป้งมันเพื่อไม่ให้แป้งติดมือ   กดแป้งลงบน พิมพ์ครองแครงด้วยหัวแม่มือ แล้วม้วนแป้ง แป้งจะหลุด จากพิมพ์เป็นรูปตัวหอย   วางในถาดปูผ้าขาวบางทำจนหมดนำตัวหอยไปนึ่งจนสุก   ใช้เวลาประมาณ  15  นาทีวิธีทำน้ำกะทิผสมน้ำกะทิ  น้ำตาล และเกลือ   คนให้เข้ากันแล้วกรอง นำ ไปตั้งไฟอ่อน ๆ จนเดือดเมื่อน้ำกะทิเดือดใส่ตัวหอยที่นึ่งสุกแล้วลงไป ยกลงตักขนมใส่ถ้วยเสิร์ฟ   โรยหน้าด้วยงาคั่วและน้ำตาลทรายกลเม็ด เคล็ดลับ ถ้าใช้แป้งมันทำตัวครองแครง ไม่ต้องนำขึ้นกวนแต่นวดกับ น้ำร้อนจนปั้นได้  กดเป็นตัว แล้วนำไปต้มจนสุก   จะได้ครองแครง ที่ตัวใสแล

ส่วนผสม 1. แป้งเท้ายายม่อม 1 1/2 ถ้วย 2. แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย 3. แป้งมัน 1/2 ถ้วย 4. กะทิ (มะพร้าวขูดขาว 500 กรัม) 4 ถ้วย 5. น้ำตาลทราย 2 ถ้วย 6. น้ำลอยดอกมะลิ 1/2 ถ้วย 7. น้ำใบเตยคั้นข้น ๆ 1/2 ถ้วย 8. ถาดสี่เหลี่ยม ขนาด 10 นิ้วx10 นิ้ว วิธีการทำ 1. ผสมน้ำตาลกับกะทเข้าด้วยกัน ตั้งไฟกลาง เมื่อเดือดยกลง ทิ้งให้เย็น ช้อนเอาหัวกะทิที่ลอยหน้าเก็บไว้สำหรับนวดแป้ง 2. ใส่แป้งเท้ายายม่อม แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน ลงในชามผสม ใส่หัวกะทิที่ช้อนไว้นวดจนแป้งรวมตัวเป็นก้อน จึงหยุดใส่หัวกะทิ แล้วนวดนาน 15 นาที ค่อย ๆ ใส่กะทิจนหมด กรองด้วยผ้าขาวบาง แบ่งแป้งเป็น 2 ส่วน เท่า ๆ กัน 3. นำแป้งส่วนที่ 1 ใส่น้ำลอยดอกมะลิ คนให้เข้ากัน แป้งส่วนที่ 2 ใส่น้ำใบเตยคนให้เข้ากัน 4. นึ่งถาดให้ร้อน ใส่แป้งลงในถาด โดยใส่สีขาวก่อน สลับกับแป้งสีเขียวใบเตยจนหมด นึ่งแต่ละขั้น 3-5 นาที ใหแป้งสุกใสก่อนจึงใส่แป้งชั้นต่อไปจบด้วยแป้งสีเขียว ชั้นสุดท้ายให้ใส่สีเขียวเพิ่มเล็กน้อย กลเม็ดเคล็ดลับ การกรองส่วนผสมแป้งด้วยผ้าขาวบางต้องใช้มือบีบ ออกให้หมดเพราะแป้งจะติดอยู่กับผ้าขาวบางทำให้แป้ง ไม่ได้ ตามอัตราส่วน ถ้าต้องการให้ขนมชั้นมีกลิ่นห

สูตรข้าวขาหมูต้นตำหรับ(ขอบคุณสูตรบ้านณัฐวดี) สูตรแบบละเอียด เครื่องปรุง 1. ใบเตย เอามามัดเป็นกำ กำละประมาณ 10-15 ใบ กำแล้วมัดให้แน่น เอาใบมันนั่นแหละมัด หรือจะเอาตอกไม้ไผ่มัดก็ได้ เวลาต้มแล้ว กำใบเตยจะได้ไม่แตก ประมาณ 5 - 6 กำ เวลาคิดทำข้าวขาหมูขาย นะครับ ขอความกรุณาปลูกก่อนเลยครับ ปลูกเยอะ ๆ เวลาซื้อเขามาแล้วเสียดายตัง 2. กระเทียม แกะออกมาเป็นเม็ด ไม่ต้องแกะเปลือก ไม่ต้องทุบ ประมาณ 2 - 3 กำมือ 3.ซวงเจีย เป็นยาจีน หาซื้อแถวร้านขายยาจีน เป็นเม็ด เบา สีดำ ใช้ประมาณ 1 ทัพพี 3.โป้ยกั๊ก มีลักษณะเป็นดอกดาวกระจาย ใช้ประมาณ 2 ทัพพี 4.ไม้หอม หรือ อบเชยใช้ประมาณ 5-10 อัน ขึ้นอยู่กับว่า ไม้มันยาวหรือเปล่า ลักษณะเป็นไม้ กลมม้วนเล็ก ๆ เวลาไปซื้อพยายามดมหน่อยนะครับ ถ้าเหม็นหืนก็อย่าซื้อ 5. พริกไทยดำประมาณ 2 ทัพพี ห้ามทุบเด็ดขาด 6.พริกไทยขาว ประมาณ 1 ทัพพี ห้ามทุบเด็ดขาด 7.เหล้าแม่โขง ประมาณครึ่งแก้ว 8.โอวัลติน รสดั้งเดิมประมาณ 5 ช้อนพูน ๆ ห้ามเอารสผสม เช่นรสผสม มอลล์ หรืออะไรก็ไม่ได้ ไมโล ก็ไม่ได้ 9.ซีอิ้วขาวตราเด็กสมบูรณ์ 1 กระบวยใหญ่ และ ซีอิ้วง่วนเชียง (ฝาเขียว) 1 กระบวยใหญ่ 10.ซีอิ้วดำ 11.ข่า เอ

      วาฟเฟิลฮ่องกง สูตรขนมที่ กำลังนิยม หน้าตาคล้ายขนมครกย่อส่วน กรอบนอกนุ่มใน เนื้อเด้งดึ๋ง อร่อยเกินห้ามใจ ทำกินเองก็อร่อย ทำขายก็กำไรงาม เช่าแผงตลาดนัดรอได้เลย           วาฟเฟิลฮ่องกง สูตรขนมยอดนิยมที่กำลังมาแรงในตอนนี้ แม้จะ มีขายทั่วไป แต่กระซิบว่าเจ้าดังคิวยาวเหยียดเลยค่ะ จึงตัดสินใจไปซื้อเตาวาฟเฟิลฮ่องกงไฟฟ้ามาทำกินเองดีกว่า สำหรับส่วนผสมก็ใช้แป้งวาฟเฟิลฮ่องกงสําเร็จรูปง่าย ๆ แต่ถ้าอยากทำแป้งวาฟเฟิลเองก็ไม่มีปัญหา กระปุกดอทคอมขอนำเสนอสูตรวาฟเฟิลฮ่องกงจาก คุณ BlackPiano สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรวาฟเฟิลกรอบ ๆ กินได้ทุกเพศทุกวัย สามารถใส่ท็อปปิ้งต่าง ๆ ได้อีกด้วย เช่น ช็อกโกแลตชิพ ข้าวโพด ลูกเกด และอื่น ๆ ตามชอบ ถ้าส่วนผสมพร้อม เตาวาฟเฟิลฮ่องกงพร้อม ลุย !           วาฟเฟิลฮ่องกง โดย คุณ BlackPiano สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม           ไม่ได้โพสต์นาน เผอิญวันนี้ได้เครื่องทำวาฟเฟิลฮ่องกงมาฟรี ๆ ก็เลยทดลองทำตามคู่มือที่ได้มาในกล่องหน่อย เพราะใช้เวลาแป๊บเดียวง่าย ๆ ดังนี้ ส่วนผสม วาฟเฟิลฮ่องกง           • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 230 กรัม           • แป้งท้าวยายม่อม 55 กร

ขนมนางเล็ด ขนมไทยเคี้ยวกรอบ ๆ หวานน้ำตาลโรยหน้า สิ่งที่ต้องเตรียม 1. ข้าวเหนียว 2. น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย 3. น้ำ 4 ช้อนโต๊ะ 4. น้ำมันพืชสำหรับทอดขนม 5. พิมพ์ตัดคุกกี้รูปวงกลม วิธีทำ 1. อุ่นข้าวเหนียวให้ร้อน เตรียมไว้ 2. ตักข้าวเหนียวใส่ลงในพิมพ์ กดแผ่แป้งเป็นแผ่นบาง ๆ จนเต็มพิมพ์ เคาะออกจากพิมพ์ นำไปตากแดดจนแห้ง เตรียมไว้ 3. ใส่น้ำมันลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางจนร้อน ใส่ข้าวเหนียวที่ตากไว้ลงทอดจนพองเต็มที่ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน เตรียมไว้ 4. ใส่น้ำตาลปี๊บและน้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน เคี่ยวจนน้ำตาลละลาย ค่อย ๆ ตักหยอดเป็นเส้น ๆ ลงบนขนม พักทิ้งไว้สักครู่จนน้ำตาลแข็งตัว จัดใส่จานให้สวยงาม พร้อมรับประทาน ถ้าทำเสร็จแล้ว เก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิดก็สามารถเก็บไว้กินได้นานเลยนะคะ Cr. สูตรอาหารและภาพ http://cooking.kapook.com/view79131.html

ส่วนผสมขนมเต้าส่วน มะพร้าวอ่อนน้ำกะทิสด 1. ถั่วเขียวผ่าซีก มากน้อยตามชอบ นำมาล้างหรือซาวในน้ำสะอาด 3 น้ำ แล้วแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ประมาณ 3-4 ชม. 2. มะพร้าวอ่อน มากน้อยตามชอบ นำมาผ่าแล้วขูดเอาแต่เนื้อมะพร้าวอ่อน 3. หัวกะทิสด มากน้อยตามชอบ 4. น้ำตาลทราย 5. แป้งเท้ายายม่อม+แป้งมัน (อัตราส่วน 1:1) วิธีทำขนมเต้าส่วน มะพร้าวอ่อนกะทิสด 1. นำถั่วเขียวที่แช่น้ำทิ้งไว้มาล้างอีก 1 รอบ แล้วเอาไปนึ่งให้สุก (อาจใส่ใบเตยไปในน้ำที่เดือดก็จะทำให้หอมยิ่งขึ้น) 2. นำแป้งแต่ละชนิดใส่น้ำลงไปเล็กน้อย จากนั้นคนพอให้ละลาย แล้วเอามารวมกัน 3. ละลายน้ำ กับน้ำตาล ตั้งไฟให้เดือด ชิมรสหวานตามชอบแต่ให้หวานกว่าที่ชอบนิดหน่อย เพราะเมื่อใส่ถั่วและแป้ความหวานจะลดลง 4. เมื่อเดือดแล้วให้นำแป้งที่ผสมกัน มาใส่ทีละน้อย ค่อย ๆ คนให้เหนียว กะดูตามความชอบความเหนียวหนืด (ควรระวังอย่าให้หนืดมาก เพราะเมื่อแป้งเย็นตัวจะหนืดกว่าตอนร้อน) 5. ใส่ถั่วที่นึ่งและมะพร้าวอ่อนลงไปทีละน้อย คนหรือวนไปเรื่อย ๆ อย่าให้ติดกันเป็นก้อน เมื่อเข้ากันดีแล้วก็ปิดไฟ 6. น้ำกะทิ นำกะทิมาเติมด้วยเกลือป่นทีละน้อย ค่อย ๆ คนไปชิมไป จนเค็มพอใจ

ส่วนผสมกระเพาะปลาแห้ง       200 กรัม ไข่ไก่                   4 ฟอง ถั่วงอกเด็ดหัวและหางออก     100 กรัม เนื้อหมูหั่นชิ้นพอคำ             100 กรัม ปลาหมึก                         1 ตัว (ลอกเอาหนังออก หั่นชิ้นพอคำ) กุ้งสด                            100 กรัม (ปอกเปลือกผ่าหลัง เอาเส้นดำออก) ซีอิ๊วขาว                         2 ช้อนโต๊ะ ซอสปรุงรส                      1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอย                       1 ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น                     1 ช้อนชา น้ำตาลทราย                     2 ช้อนชา ต้นหอมหั่นฝอย                 2 ช้อนโต๊ะ ขิงสับละเอียด                   1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันสำหรับผัด                 1/4 ถ้วยตวง ซอสพริก วิธีทำ 1.  ล้างกระเพาะปลาให้สะอาด ต้องล้างจนหายมันนะคะ จากนั้นค่อยนำไปลวกน้ำร้อน สงขึ้นแล้วพักไว้ 2.  นำน้ำมันใส่กระทะ ตั้งไฟพอร้อน ใส่ขิงผัดให้หอม ใส่เนื้อหมู ปลาหมึก กุ้งสด 3.  พอเนื้อหมูสุกใส่กระเพาะปลา ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส น้ำมันหอย พริกไทยป่น น้ำตาลทราย ผัดให้เข้ากัน 4.  ชิมรส เมื่อรสดีแล้วค่อยต่อยไข่ใส่ผัดให้เข้ากัน ใส่ถั่วงอก ปิดไฟ จัดใส่จานให้สวย

โจ๊กมันม่วง (สำหรับ 2 คน) ส่วนผสม • ข้าวสารหอมมะลิ ½ ถ้วย • น้ำซุปผัก 6 ถ้วย • ใบเตยหอม 2 ใบ • กระเทียมกลีบใหญ่ 2 กลีบ • เกลือสมุทร 1 ช้อนชา • มันม่วงต้มขูดเนื้อ ½ ถ้วย • กระเจี๊ยบผัดกระเทียม • น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ • กระเจี๊ยบเขียวหั่นตามยาว 10-15 ฝัก • กระเทียมสับละเอียด 2 ช้อนชา • รากผักชีสับละเอียด 2 ช้อนชา • น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ • เกลือสมุทร 1 ช้อนชา • พริกไทยขาวป่น 1 ช้อนชา • กระเทียมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ ขั้นตอน 1. ซาวข้าวด้วยน้ำสะอาด เทน้ำออก พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ ตั้งหม้อบนไฟกลาง ใส่น้ำซุป ต้มให้เดือด ใส่ข้าว ใบเตยหอมกระเทียม และเกลือ ใช้พายไม้คนข้าวเพื่อไม่ให้ข้าวติดก้นหม้อ ต้มจนข้าวสุก นำมันม่วงที่ขูดเนื้อแล้วเทใส่หม้อข้าวต้มต่อจนข้าวเริ่มข้น พักให้เย็น เอาใบเตยหอมออก จากนั้นนำไปปั่น ถ้าข้าวเหนียวไปสามารถเติมน้ำได้ เทใส่หม้อตั้งบนไฟอ่อน เคี่ยวพอเหนียว 2. ทำกระเจี๊ยบผัดกระเทียมโดยตั้งกระทะน้ำมันบนไฟอ่อน รอให้น้ำมันร้อนได้ที่ ใส่กระเจี๊ยบลงทอดจนสุกกรอบตักขึ้น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน รินน้ำมันในกระทะให้เหลือประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟอ่อน ผัดกระเทียมกับรากผ