ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

10 น้ำผลไม้คลายร้อนกันจร้าาาาา

ในช่วงที่อุณหภูมิกำลังพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ทุกคนต่างมองหาวิธีคลายร้อนต่างๆ หนึ่งในนั้นก็คือ เครื่องดื่มเย็นๆ ที่ช่วยดับกระหาย และเพิ่มความสดชื่นได้
เครื่องดื่มส่วนใหญ่ที่มีขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่ มีส่วนผสมที่มีน้ำตาลสูง ถึงแม้จะช่วยดับร้อนได้แต่กลับเพิ่มผลเสียให้กลับร่างกายแทน วันนี้เราจึงมี 10 น้ำผัก-ผลไม้คลายร้อน มานำเสนอ เป็น 10 เมนูเครื่องดื่ม ที่คุณสามารถทำเองได้ง่าย แถมได้สุขภาพดีแบบเต็มๆ

1. ว่านหางจระเข้
ดีต่อสุขภาพผิวของคุณ เนื่องจากว่านหางจระเข้มีสรรพคุณในการรักษาและให้ความชุ่มชื้น รวมถึงอุดมไปด้วยวิตามินบี ซี และอี บวกกับเอนไซม์ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและฟื้นฟูสภาพเนื้อเยื่อให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีกรดโฟลิกซึ่งเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถบรรเทาอาการตับอ่อนอักเสบได้ ที่สำคัญว่านหางจระเข้ยังมีประโยชน์ต่อกระเพาะอาหารและลำไส้ อีกทั้งช่วยในเรื่องระบบย่อยอาหารด้วย

2. แอปเปิ้ล
ขึ้นชื่อในเรื่องการรักษาอาการท้องผูกและมีเพคทินซึ่งช่วยยับยั้งและกำจัดสารพิษในลำไส้ระหว่างการย่อยอาหาร อีกทั้งยังดีต่อตับเนื่องจากมีกรดมาลิคที่สามารถสลายนิ่วในถุงน้ำดี แอปเปิ้ลมีทั้งวิตามินเอและซี โปแทสเซียม แคลเซียม เหล็ก และฟอสฟอรัส ผลวิจัยเผยว่าการรับประทานแอปเปิ้ลจะช่วยบำรุงสมองและลดโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง

3. บีทรูท
ขึ้นชื่อในเรื่องการทำความสะอาดเลือดและตับส่งผลให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี นอกจากนี้ยังมีไนตริกออกไซด์ซึ่งจะช่วยขยายหลอดเลือด กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และรักษาระดับความดัน บีทรูทอุดมไปด้วยไฟโตนิวเทรียนท์ซึ่งมีสรรพคุณต่อต้านการอักเสบและสารต้านอนุมูลอิสระ ประกอบไปด้วยบีเทนซึ่งกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำดีช่วยในการย่อยอาหาร แถมยังช่วยปกป้องอวัยวะภายในและป้องกันโรคเรื้อรังต่างๆ ที่สำคัญบีทรูทมีวิตามินเอ บี1 บี2 บี6 และซีสูงมาก

4. แครอท
มีเบต้าแคโรทีนสูงซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์และชะลอกระบวนการแก่ก่อนวัย นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีสูงซึ่งช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและโปแทสเซียม ทั้งนี้แครอทยังขึ้นชื่อในเรื่องการขับกรดยูริคและสารพิษที่อยู่ในไตด้วย การวิจัยเผยว่าแครอทถูกจัดอยู่ในกลุ่มผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด

5. มะพร้าว
มีไขมันดีซึ่งดีต่อต่อมไทรอยด์ น้ำมะพร้าวคือส่วนผสมที่ได้รับความนิยมสูงในสูตรน้ำผลไม้จำนวนมากและขึ้นชื่อในเรื่องสรรพคุณให้ความชุ่มชื้นเนื่องจากอุดมไปด้วยโปแทสเซียมและอิเล็กโทรไลต์ นอกจากนี้มีปริมาณน้ำตาลต่ำกว่าน้ำอัดลม เครื่องดื่มเกลือแร่ และน้ำผลไม้บางชนิด แถมเนื้อมะพร้าวยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วยเนื่องจากมีกรดไขมันที่ไม่ส่งผลกระทบต่อระดับคลอเลสเตอรอลและมีกากใยที่ช่วยในเรื่องการย่อยอาหาร

6. มะเขือเทศ
อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนและไลโคปีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยในการทำงานของสมองและป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ นอกจากนี้ยังมีวิตามินซี บี6 และเค ไนอาซิน โปแทสเซียม ไบโอติน ฟอสฟอรัส แคลเซียม สังกะสี เหล็ก และเซเลเนียม รวมถึงกรดอินทรีย์ต่างๆ เช่น ซิตริกและมาลิค การศึกษาพบว่าไลโคปีนจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและโรคมะเร็งบางชนิด นอกจากนี้ยังมีส่วนเชื่อมโยงกับน้ำหนักตัว ไขมันในร่างกาย ดัชนีมวลกาย และคลอเรสเตอรอลด้วย

7. คื่นช่าย
อุดมไปด้วยลูทีโอลินซึ่งเสริมสร้างการทำงานของสมองและบรรเทาอาการอักเสบ นอกจากนี้ใบคื่นช่ายยังเป็นแหล่งวิตามินเอชั้นเยี่ยม ขณะที่ก้านคื่นช่ายมีทั้งวิตามินบี1 บี2 บี6 และซี รวมถึงโซเดียม เหล็ก โปแทสเซียม แคลเซียม โฟเลต แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และกรดอะมิโนที่จำเป็น

8. แตงกวา
เป็นผลไม้อีกชนิดที่ขึ้นชื่อในเรื่องการให้ความชุ่มชื้นเนื่องจากมีน้ำเป็นส่วนประกอบมากกว่าร้อยละ 90 ทำให้ผิวพรรณมีสุขภาพดีแถมยังมีฤทธิ์เย็นตามธรรมชาติและช่วยลดอาการอักเสบ นอกจากนี้ยังเสริมสร้างระบบย่อยอาหารเนื่องจากอุดมไปด้วยน้ำและกากใยอาหาร

9. ขิง
ขึ้นชื่อในเรื่องสรรพคุณทางยา นิยมนำมาใช้เมื่อคุณมีอาการคลื่นเหียนหรือท้องไส้ปั่นป่วน ขิงจะช่วยในเรื่องการย่อยอาหาร ปกป้องตับ ช่วยสร้างความอบอุ่น กระตุ้นการไหลเวียน บรรเทาอาการอักเสบ ลดภาวะเลือดคั่งในปอด และดีต่อต่อมไทรอยด์ ที่สำคัญขิงมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่า 12 ชนิด

10. มะนาว
อุดมไปด้วยวิตามินซีและบี โฟเลต ฟลาโวนอยด์ และไลโมนีนซึ่งเป็นสารพฤกษเคมีช่วยต่อต้านมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในการรักษาต่อมไทรอยด์ มีฤทธิ์เป็นด่างในกระเพาะอาหารและช่วยในเรื่องการย่อยอาหาร

ทั้งนี้ เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี ควรผสมน้ำตาลในปริมาณน้อยหรือไม่ผสมเลย จะให้ผลดีต่อร่างกายมากที่สุด

ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้า และ นานาสาระเพื่อสุขภาพ
ขอบคุณ: Panida

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สูตร กล้วยน้ำว้าเชื่อม

กล้วยน้ำว้าเชื่อม ผิวและเนื้อดี ไม่เละ วิธีทำง่าย แต่ใช้เวลาเยอะ ราดหัวกะทิที่เค็มปะแล่ม หรือหั่นเป็นชิ้นกินกับน้ำแข็งก็สุดยอด ส่วนผสม ============================ - กล้วยน้ำว้า (ห่าม) เปลือกสีกระดังงา - เกลือ น้ำสะอาด (แช่กล้วย) - น้ำตาลทราย ถ้ามีสีรำก็จะดี ไม่มีก็ใช้สีขาว - น้ำตาลมะพร้าว ชั่งรวมกับน้ำตาลทรายได้ประมาณ 400 - 500 กรัม ลดได้ - น้ำสะอาด 1000 กรัม - เกลือ 1 หยิบนิ้ว - มะนาว 1 เซี่ยว - ใบเตยหอม ล้างสะอาด - หัวกะทิ เกลือ แป้งข้าวเจ้า วิธีทำ =========================== - ผสมน้ำกับเกลือ กะให้พอท่วมกล้วย - ปอกเปลือกแล้วหั่นกล้วยตามขวาง 2 ท่อน หรือผ่า 4 - แช่ในน้ำเกลือทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที - ตั้งกระทะ ใส่น้ำสะอาด ใบเตย ใส่น้ำตาลสองชนิด เปิดไฟ - เมื่อน้ำตาลละลายจนหมด ใส่เกลือ รอเดือด ล้างกล้วยที่แช่น้ำเกลือไว้ หย่อนกล้วยใส่กระทะ - เดือดสักครู่ ปรับเป็นไฟอ่อน มีฟอง ให้ช้อนทิ้งไป วักน้ำเชื่อมในกระทะ ราดกล้วยด้านบนเป็นระยะ สามารถเติมน้ำได้อีก - กระทะนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที 2ชั่วโมง เมื่อกล้วยเงาสวย ก่อนตักขึ้น ให้ใส่น้ำมะนาว แล้วคนเบามือ - ตักใส่จาน เตรียมทำน้ำกะทิ ราด -

สูตรลาบเป็ด

ลาบเป็ด เมนูนี้ใครที่ไปร้านส้มตำต้องเคยกินกันแล้วแน่นอน ถือได้ว่าเป็นอาหารอีสานยอดนิยมเลยทีเดียว เนื้อเป็ดที่สับละเอียดเอามาทำเป็นลาบที่ได้รสชาติเข้มข้นหอมกลิ่นข้าวคั่ว ทานเป็นกับแกล้มหรือทานกับข้าวเหนียวร้อนอร่อยแน่นอนครับ วัตถุดิบลาบเป็ด  1. น้ำตาลทราย 1/2 ชช. 2. น้ำปลา 1/2 ชต. 3. พริกป่น 1/2 ชต. 4. เนื้ออกเป็ด 150 กรัม 5. มะนาว 1/2 ลูก 6. หอมแดงซอย 2 ชต 7. พริกแห้งทอด 6-7 เม็ด 8. ข้าวคั่ว 1 ชต. 9. ต้นหอม 2 ต้น 10. ผักชีฝรั่ง 2 ต้น 11. ใบสาระแหน่ 1 ต้น 12. น้ำซุปไก่ 1 ทัพพี วิธีทำลาบเป็ด  1.ซอยต้นหอม , ผักชีฝรั่งเตรียมไว้ จากนั้นสับเนื้อเป็ดให้ละเอียดปานกลาง 2.เติมน้ำซุปไก่ลงในหม้อ ตามด้วยเนื้อเป็ดและรวนให้สุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา ,น้ำตาล , พริกป่น , ข้าวคั่ว คนให้เข้ากันปิดแก็สแล้วจึงเติมน้ำมะนาวลงไป 3.เติมหอมแดง , ต้นหอม ,ผักชีฝรั่ง และคลุกให้เข้ากัน เด็ดใบสาระแหน่โรยหน้าตามด้วยพริกทอดเป็นอันเสร็จ

วิธีทำ ซาลาเปาไส้ถั่วดำ(จีน)

ส่วนผสมตัวแป้ง 1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 400 กรัม 2. น้ำตาลทรายขาว 100 กรัม 3. ผงฟู 20 กรัม 4. ยีสต์แห้ง 20 กรัม 5. เนยขาว 20 กรัม 6. โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 20 กรัม 7. น้ำเปล่า 200 กรัม ส่วนผสมไส้ถั่วดำ 1. ถั่วดำเม็ดเล็กคั่วให้หอมแช่น้ำ 1 คืน 2 ถ้วยตวง 2. น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง 3. เนยจืดสด 50 กรัม วิธีทำซาลาเปาไส้ถั่วดำ Bean Bun วิธีทำแป้งซาลาเปา 1. นำน้ำอุ่นมาใส่ลงในยีสต์ให้ท่วมเล็กน้อยรอจนยีสต์ตื่น 2. นำแป้งสาลี น้ำตาลทรายขาว ผงฟู ผสมให้เข้ากัน 3. ใส่เนยขาว ยีสต์ ตามด้วยโยเกิร์ตผสมให้เข้ากัน และค่อยๆใส่น้ำลงไปนวดจนเป็นโดว์ และเนียนเข้ากันดี ใช้พลาสติกคลุมไว้ ทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง 35-40 องศา จนแป้งขึ้นฟู ประมาณ 1-2 ชม 4. นำแป้งนวลมาโรยพื้นที่จะทำการปั้นแป้ง แล้วแบ่งแป้งออกมาปั้นเป็นก้อน ขนาดก้อนละ 20-25 กรัม วิธีทำไส้ถั่วดำ 1. นำถั่วดำ ต้มจนนิ่ม กรองน้ำออก 2. นำถั่วดำไปบด และกรองผ่านตะแกรง 3. ผสมเนยจืด น้ำตาลทราย พักให้เย็น 4. นำแป้งมาแผ่ออกใส่ไส้ตรงกลางแล้วห่อคุมให้มิด ใส่กระดาษรองซาลาเปาโดยการใช้น้ำแปะตรงก้นซาลาเปาเล็กน้อย แล้ววางลงกลางกระดาษ วิธีนี้จะช่วยให้เมื่อซาลาเป