* หมูสามชั้นต้มผักดอง(แห้ง)เค็ม *
อาหารเหลาราคาแพง ที่เรามาทำแบบง๊าย ง่าย
=================================
.
อาหารจานที่เราทำวันนี้ มีเชื้อชาติ จีน สัญชาติ ไทยค่ะ
จัดว่าเป็นอาหารคุ้นชิน ที่อยู่คู่ภัตตาคารจีน ในเมืองไทยมานานพอสมควร
สมัยก่อนวัตถุดิบค่อนข้างหายาก แต่มาสมัยนี้ก็หาได้ไม่ยากจนเกินไป
.
ชื่อภาษาจีนของจานนี้ คือ หมุ่ยโชย เคาหยก ( Mui Choy Kau Yoke)
หมุ่ยโชย แปลว่า ผักดองแบบแห้ง (เป็นผักกาดขม หมักเกลือ หรือ น้ำตาล ตากแห้ง )
ส่วน เคาหยก แปลว่า หมูสามชั้น
( เรื่องคำแปลนี่ เพื่อนเราที่เป็นคนจีนบอกมานะคะ ผิดถูกประการใด
อิชั้นก็ไม่ทราบได้ เค้าว่ามาอย่างไร ก็ว่าไปตามเค้าค่ะ 555 เพราะภาษาจีนนี่ พูดเป็นแต่ชื่ออาหาร )
.
จานนี้ ถ้าระดับเหลา ปรุงด้วยพ่อครัวตัวพ่อ ขั้นตอนจะพิถี พิถัน มาก แต่วันนี้เราจะมาปรุงแบบ ชาวบ้าน ๆ ง่าย ๆ แต่อร่อยไม่แพ้ใครเลยค่ะ
.
=====
วัตถุดิบ
=====
.
1. หมูสามชั้นชิ้นสวย ๆ
.
2. ผักดองเค็ม ที่เยาวราชมีขายค่ะ
.
3. กระเทียมสับ ขิงหั่นเป็นแผ่น สัก 3 ถึง 4 ชิ้น
.
4. ผงพะโล้ ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว เหล้าจีน น้ำมันหอย แป้งข้าวโพด
( ไม่ชอบความข้นแบบแป้งเลยไม่ใส่ค่ะ)
.
.
=====
วิธีทำ
=====
.
1. ก่อนอื่นใดเลยเอาผักดองเค็มล้างให้สะอาด แล้วแช่น้ำทิ้งไว้ สักสองสามชั่วโมง
คอยเปลี่ยนน้ำที่แช่เป็นระยะ แอบชิมดูค่ะ ว่ายังเค็มปี๋ หรือเปล่า หั่นเป็นท่อนๆ เตรียมไว้
.
2. หมูสามชั้น หั่นเป็นเส้น ความหนาประมาณ 3 เซ็นติเมตร ความยาวสองหรือสามนิ้ว
ตามถนัดได้เลยค่ะ กะ ๆ เอา
.
3. หมักหมูด้วย ผงพะโล้ นิดเดียวนะคะ เดี๋ยวฉุนเกินไป ใส่ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว เหล้าจีนนิดหน่อย
.
4. นำหมูไปนาบไฟอ่อน ๆ บนกระทะ ( เทฟล่อนยิ่งดีค่ะ ) นาบจนสุกแห้ง ระดับหนึ่ง
โดยเฉพาะช่วงหนังหมู ให้แห้งกรอบสักนิด จะดีมาก ใส่จานพักไว้
.
5. ใส่น้ำมันในกระทะนิดหน่อย เจียวกระเทียมพอเหลือง ใส่ผักดองที่บีบน้ำออกจนหมด
ลงไปผัดให้หอมและแห้ง ใส่ขิงผัดต่อ เติมน้ำซุป พอขลุกขลิก ใส่เครื่องปรุงรส ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว
พริกไทยป่น น้ำมันหอย ชิมดูรสชาติ พอประมาณ
.
6.วันนี้เราจะต้มในหม้อดินอบค่ะ ถ้าไม่มีก็เคี่ยวในกระทะได้นะคะ เราก็เอาหมูสามชั้นมาเรียงในหม้อดิน
เท น้ำต้มผักดองราดทับลงไป พอท่วมหมู เคี่ยวไฟอ่อน ทิ้งไว้ประมาณ สาม สี่ ชั่วโมง ถ้าน้ำแห้งต้องคอยเติม
สุดท้ายชิมดูรสให้ถูกปาก ขาดอะไรเติมนั่น แล้วแต่ชอบ แค่นี้เป็นอันเรียบร้อยค่ะ ใครชอบข้นๆ เหนียวๆ
ก็ละลายแป้งข้าวโพดลงไปนิดหน่อยได้เลย
.
.
หมูนุ่ม ๆ แทบจะละลายในปาก รสชาติเค็มนิด ๆ มัน ๆ หอม ๆ ตามด้วยข้าวสวยร้อนๆ
คุณเอ๊ย....ฟิน !! สุด ๆ เลยค่ะ
.
อาหย่อยยย...งั่ม ๆๆๆ
.
โจ โจ
11/12/2558
ขอบคุณที่มา: โจ โจ ณ.จ๊ะ จ่ะ ทาง facebook.
อาหารเหลาราคาแพง ที่เรามาทำแบบง๊าย ง่าย
=================================
.
อาหารจานที่เราทำวันนี้ มีเชื้อชาติ จีน สัญชาติ ไทยค่ะ
จัดว่าเป็นอาหารคุ้นชิน ที่อยู่คู่ภัตตาคารจีน ในเมืองไทยมานานพอสมควร
สมัยก่อนวัตถุดิบค่อนข้างหายาก แต่มาสมัยนี้ก็หาได้ไม่ยากจนเกินไป
.
ชื่อภาษาจีนของจานนี้ คือ หมุ่ยโชย เคาหยก ( Mui Choy Kau Yoke)
หมุ่ยโชย แปลว่า ผักดองแบบแห้ง (เป็นผักกาดขม หมักเกลือ หรือ น้ำตาล ตากแห้ง )
ส่วน เคาหยก แปลว่า หมูสามชั้น
( เรื่องคำแปลนี่ เพื่อนเราที่เป็นคนจีนบอกมานะคะ ผิดถูกประการใด
อิชั้นก็ไม่ทราบได้ เค้าว่ามาอย่างไร ก็ว่าไปตามเค้าค่ะ 555 เพราะภาษาจีนนี่ พูดเป็นแต่ชื่ออาหาร )
.
จานนี้ ถ้าระดับเหลา ปรุงด้วยพ่อครัวตัวพ่อ ขั้นตอนจะพิถี พิถัน มาก แต่วันนี้เราจะมาปรุงแบบ ชาวบ้าน ๆ ง่าย ๆ แต่อร่อยไม่แพ้ใครเลยค่ะ
.
=====
วัตถุดิบ
=====
.
1. หมูสามชั้นชิ้นสวย ๆ
.
2. ผักดองเค็ม ที่เยาวราชมีขายค่ะ
.
3. กระเทียมสับ ขิงหั่นเป็นแผ่น สัก 3 ถึง 4 ชิ้น
.
4. ผงพะโล้ ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว เหล้าจีน น้ำมันหอย แป้งข้าวโพด
( ไม่ชอบความข้นแบบแป้งเลยไม่ใส่ค่ะ)
.
.
=====
วิธีทำ
=====
.
1. ก่อนอื่นใดเลยเอาผักดองเค็มล้างให้สะอาด แล้วแช่น้ำทิ้งไว้ สักสองสามชั่วโมง
คอยเปลี่ยนน้ำที่แช่เป็นระยะ แอบชิมดูค่ะ ว่ายังเค็มปี๋ หรือเปล่า หั่นเป็นท่อนๆ เตรียมไว้
.
2. หมูสามชั้น หั่นเป็นเส้น ความหนาประมาณ 3 เซ็นติเมตร ความยาวสองหรือสามนิ้ว
ตามถนัดได้เลยค่ะ กะ ๆ เอา
.
3. หมักหมูด้วย ผงพะโล้ นิดเดียวนะคะ เดี๋ยวฉุนเกินไป ใส่ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว เหล้าจีนนิดหน่อย
.
4. นำหมูไปนาบไฟอ่อน ๆ บนกระทะ ( เทฟล่อนยิ่งดีค่ะ ) นาบจนสุกแห้ง ระดับหนึ่ง
โดยเฉพาะช่วงหนังหมู ให้แห้งกรอบสักนิด จะดีมาก ใส่จานพักไว้
.
5. ใส่น้ำมันในกระทะนิดหน่อย เจียวกระเทียมพอเหลือง ใส่ผักดองที่บีบน้ำออกจนหมด
ลงไปผัดให้หอมและแห้ง ใส่ขิงผัดต่อ เติมน้ำซุป พอขลุกขลิก ใส่เครื่องปรุงรส ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว
พริกไทยป่น น้ำมันหอย ชิมดูรสชาติ พอประมาณ
.
6.วันนี้เราจะต้มในหม้อดินอบค่ะ ถ้าไม่มีก็เคี่ยวในกระทะได้นะคะ เราก็เอาหมูสามชั้นมาเรียงในหม้อดิน
เท น้ำต้มผักดองราดทับลงไป พอท่วมหมู เคี่ยวไฟอ่อน ทิ้งไว้ประมาณ สาม สี่ ชั่วโมง ถ้าน้ำแห้งต้องคอยเติม
สุดท้ายชิมดูรสให้ถูกปาก ขาดอะไรเติมนั่น แล้วแต่ชอบ แค่นี้เป็นอันเรียบร้อยค่ะ ใครชอบข้นๆ เหนียวๆ
ก็ละลายแป้งข้าวโพดลงไปนิดหน่อยได้เลย
.
.
หมูนุ่ม ๆ แทบจะละลายในปาก รสชาติเค็มนิด ๆ มัน ๆ หอม ๆ ตามด้วยข้าวสวยร้อนๆ
คุณเอ๊ย....ฟิน !! สุด ๆ เลยค่ะ
.
อาหย่อยยย...งั่ม ๆๆๆ
.
โจ โจ
11/12/2558
ขอบคุณที่มา: โจ โจ ณ.จ๊ะ จ่ะ ทาง facebook.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น